เรียนรู้ความต่างหญิง-ชาย ลดความขัดแย้งชีวิตคู่

ความเข้าใจ ความมีสติ ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง การให้อภัย การเห็นอกเห็นใจ ฯลฯ....ล้วนเป็นผลลัพธ์ยิ่งใหญ่จากการเรียนรู้ที่มีคุณค่าเหนืออารมณ์ตามธรรมชาติ
บอยจะเอาสีชมพู...บอยจะอาว...จะอาว...
�
เสียงพ่อหนูน้อยร่ำร้องทุรนทุราย แข่งกับสุ้มเสียงหงุดหงิดของคุณแม่ที่เพียรพยายามอธิบายแกมสั่งสอน
ไม่ได้...ไม่ได้...ผู้ชายใช้สีชมพูไม่ได้...ไม่ได้...ไม่ได้...
ซ้ำซาก...ยืนยัน ราวกับแผ่นเสียงตกร่อง เพื่อตอกย้ำให้รับรู้และจดจำ
ผู้ชาย...ต้องไม่ใช้สีชมพู
ความพึงพอใจของหนูน้อยในเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งกำลังถูกกำหนดด้วยความมุ่งมั่นชัดเจนของผู้เป็นแม่ โดยมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังรอคอยให้ถูกทยอยจัดวางเป็นความคิด ความเชื่อ ความชอบหรือรสนิยมของหนูน้อยภายใต้กรอบของผู้เลี้ยงดูและสังคมอีกอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นการสร้างลักษณะนิสัยและการแสดงออกของเด็กชายให้ต่างจากเด็กหญิงมากยิ่งขึ้นโดยอาศัยอิทธิพลของการเรียนรู้ ซึ่งเป็นกระบวนการบ่มเพาะจากการเลี้ยงดูและเติบโตเป็นหลัก ทั้งที่คนทั้งสองเพศก็มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่แตกต่างกันเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
�
เริ่มตั้งแต่หน้าตาเครื่องเพศภายนอกของหนูน้อยที่ไม่เหมือนกัน ส่วนเครื่องเพศภายในก็เป็นแหล่งสรัางความแตกต่างทางฮอร์โมนเพศที่นำไปสู่รูปลักษณ์และอารมณ์ที่ห่างไกลกันไปยิ่งขึ้นอีกเมื่อเติบโตขึ้น แม้ในช่วงวัยเด็กที่ฮอร์โมนเพศยังไม่เริ่มทำหน้าที่ หนูน้อยสองเพศก็ยังคงมีรายละเอียดยิบย่อยที่ต่างกันโดยธรรมชาติอยู่พอควร
�
�
หนุ่มน้อยของเราจะมีน้ำหนักและส่วนสูงมากกว่าเด็กหญิง
ไขมันตามเนื้อตัวของทารกเพศชายมีน้อยกว่าและสลายไปเร็วกว่าทารกเพศหญิง พร้อมกับที่ทารกชายมีกล้ามเนื้อมากกว่า แล้วยังใช้พละกำลังจากกล้ามเนื้อได้ดีกว่า จนเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่ออายุประมาณสี่ห้าขวบ โดยเจ้าพละกำลังมากมายนี่เองที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างความภาคภูมิใจของเด็กชาย
�
นั่นปะไร...หนุ่มน้อยวัยอนุบาลจึงทำให้คุณครูปวดเศียรเวียนเกล้ามากกว่าสาวน้อยหนุงหนิงตัวกระเปี๊ยกทั้งหลาย
�
อย่างไรก็ตาม การศึกษาในเรื่องอารมณ์อ่อนโยน เห็นอกเห็นใจและต้องการพึ่งพิง หรือ ติด ผู้ใหญ่ที่ตนรักนั้น กลับพบว่าเด็กชายกับเด็กหญิงไม่มีความแตกต่างกัน เพียงแต่ว่าเด็กหญิงจะมีธรรมชาติของการอยากดูแลคนอื่นมากกว่า แสดงออกทางอารมณ์ถึงความห่วงใยได้ชัดเจนกว่า
ในขณะที่เด็กผู้ชายออกจะพยายามแสดงตัวเพื่อการ นำ ให้ตนเหนือกว่าผู้อื่นมากกว่า
ประมาณว่าเด็กชายมี อีโก้ จัดกว่าผู้หญิงมาแต่อ้อนแต่ออกเชียวล่ะ แถมยังนิยมแสดงออกถึงอีโก้อย่างก้าวร้าวกว่าทั้งทางร่างกายและวาจา
ในทางตรงข้าม เด็กหญิงตัวน้อย ๆ ของเรากลับใช้วิธีการแสดงความก้าวร้าวอย่างเนียน ๆ ประเภทเพิกเฉย ไม่สนใจ หรือไม่ร่วมมือไม่ช่วยเหลือ อุ๊ย! เรียกได้ว่ามีอาการดื้อเงียบ ต่อต้านอย่างเย็นชาแบบนางเอกนิยายน้ำเน่าได้เอง โดยมีธรรมชาติเป็นผู้จัดสรรให้มาพร้อมความเป็นเพศหญิงเลยนะเนี่ย
เมื่อธรรมชาติแบบนี้ถูกการเรียนรู้เสริมแต่งซ้ำลงไปอีก ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองเพศดูแตกต่างมากมายจนถูกเปรียบเปรยว่ามาจากดาวต่างดวง
อย่าแปลกใจที่พ่อเจ้าประคุณเอาแต่โหวกเหวก...นี่แหละอีโก้โดยกำเนิดกำลังแผลงฤทธิ์ อย่างุนงงที่เจ้าหล่อนเหน็บแนมเชือดเฉือน..ก็สมองมีศักยภาพด้านภาษาสูงขั้นเทพออกปานนั้น แต่แล้วก็ด้วยอิทธิพลของทั้งธรรมชาติผนวกกับการเรียนรู้ทางสังคมอีกนั่นแหละที่ทำให้มนุษย์จากดาวต่างดวงมีแรงดึงดูดเข้าหากัน
ธรรมชาติอีกแล้ว ที่มอบความรักให้มนุษย์ผู้แตกต่างสามารถเปิดใจยอมรับกันและกัน มองเห็นความแตกต่างเป็นปรากฏการณ์น่าตื่นเต้นชวนติดตาม แต่ก็เพราะธรรมชาติอีกเช่นกันที่เมื่อถึงจุดเวลาหนึ่งก็กลับลำ ทำให้มนุษย์ต่างเพศคู่นั้นรู้สึกเบื่อหน่าย หงุดหงิด แปลกแยกต่อความแตกต่างเดียวกันนั้นทั้งที่เคยรู้สึกดีๆมาก่อนในระยะเริ่มต้น
โชคดีเหลือเกินที่มีมนุษย์ชาญฉลาดหลายคู่รู้จักคิด ...ไม่ปล่อยให้ทางเลี้ยวทางเลือกนี้ดำเนินไปตามยถากรรมที่ธรรมชาติวางไว้เขาและเธอรู้เท่าทันสถานการณ์เพียงพอที่จะให้โอกาสแก่การเรียนรู้และการปรุงแต่งธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์ด้วยสมองได้แสดงตัวแสดงผลงาน
ความเข้าใจ ความมีสติ ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง การให้อภัย การเห็นอกเห็นใจ ฯลฯ....ล้วนเป็นผลลัพธ์ยิ่งใหญ่จากการเรียนรู้ที่มีคุณค่าเหนืออารมณ์ตามธรรมชาติ การเรียนรู้เหล่านี้ทำให้มนุษย์ทั้งสองเพศสามารถประคองชีวิตร่วมกันต่อไปได้อย่างลึกซึ้งและมั่นคง
ที่มา http://www.108health.com
|
Tag: เรียนรู้,ความต่างหญิงชาย,ลดความขัดแย้ง,ชีวิตคู่
เข้าชม : 3,657,339 ครั้ง
แนะนำบทความดีๆ โดย พี่เลี้ยงเด็ก www.thainannyclub.com
|