
หลักการให้อาหารเสริม
���� 1.�เมื่อเริ่มให้อาหารเสริม ควรเริ่มทีละชนิด และเว้นระยะประมาณ 1-2 สัปดาห์ จึงเริ่มให้อาหารชนิดใหม่ จะทำให้เราทราบว่าลูกแพ้อาหารชนิดใดหรือไม่ อาการแพ้ที่เกิดอาจมีผื่นตามผิวหนัง ไอหอบ ร้องกวนมากกว่าปกติ ท้องเสีย
���� 2.�ควรเริ่มให้อาหารแต่ละชนิดทีละน้อย เช่น 1 ช้อนชาในครั้งแรกๆ แล้วค่อยๆเพิ่มเป็น 1 ช้อนโต๊ะ สำหรับข้าวบดอาจเพิ่มจนได้ครึ่งถ้วย��
���� 3.�การเริ่มมื้ออาหารเสริม ถ้าเริ่มมื้อใดก็ควรให้มื้อนั้นทุกวัน และจัดมื้อให้เลียนแบบมื้ออาหารหลักที่จะให้เมื่อลูกอายุ 1 ปีขึ้นไป (นั่นคือ มื้ออาหารเช้า� อาหารกลางวัน อาหารเย็น)
���� 4.�ไม่ควรเริ่มอาหารเสริมก่อนอายุ 4 เดือน เพราะระบบการย่อยอาหารของลูกยังไม่พร้อม อาจทำให้ลูกท้องอืด
���� 5.�อาหารที่เตรียมให้ลูก ควรเน้นความสะอาด ผู้เตรียมต้องล้างมือให้สะอาด ภาชนะและบริเวณที่เตรียมต้องสะอาด ควรให้ลูกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ นอกจากนี้ควรใช้ภาชนะแยกไม่ปะปนกับผู้อื่น
���� 6.�ควรทำอาหารรสอ่อนให้ลูก อาจใช้น้ำซุป (ทำเอง) ช่วยในการประกอบอาหารให้ลูก, ไม่ควรปรุงรสควรให้เด็กสัมผัสกับรสธรรมชาติของอาหารนั้นๆ
���� 7.�ไม่ควรให้น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ (ขนมถุง) ขนมหวานต่างๆ ลูกอม แก่ลูกเพราะลูกจะติดใจรสหวาน อาหารหวานจะทำให้ลูกอิ่มง่าย และลูกจะปฏิเสธอาหารมื้อนั้นๆ อาจทำให้ลูกได้รับสารอาหารไม่ครบ
���� 8.�ลูกอาจปฏิเสธอาหารเสริมในครั้งแรกๆ ไม่ควรพยายามบังคับให้ลูกรับประทานเพราะจะทำให้ลูกมีความรู้สึกไม่ค่อยดีต่อการรับประทานอาหาร ควรให้เวลาลูก งดไว้ก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยลองใหม่ และไม่ควรละเลยที่จะลองใหม่ มิฉะนั้นอาจทำให้ลูกไม่ยอมรับประทาน ซึ่งจะทำให้ลูกมีบริโภคนิสัยที่ไม่เหมาะสม และอาจขาดสารอาหารได้ในอนาคต
���� 9.�เตรียมอาหารทีเหมาะสมกับวัยของลูก เช่น� อายุ 4 เดือน อาหารควรบดละเอียด อายุ 5-6 เดือน ละเอียดปานกลาง อายุ 6-7 เดือน มีลักษณะหยาบขึ้นเพราะลูกเริ่มมีฟันบดเคี้ยว อายุ 9-10 เดือน อาจให้อาหารอ่อนนิ่มธรรมดา เป็นต้น
คำแนะนำการให้อาหารเสริม
การให้อาหารเสริมนั้น ควรเริ่มให้เมื่อลูกอายุครบ 4 เดือน ตามตารางดังนี้
�
�อายุ
�
|
�
อาหาร
�
|
�
หมายเหตุ
�
|
�แรกเกิด ถึง 4 เดือน |
�- น้ำนมแม่อย่างเดียวตามต้องการ
� นมแม่อย่างเดียวจนอายุ 6 เดือน |
� |
�ครบ 4 เดือน |
�- ข้าวบด : เมื่อทารกเริ่มทานข้าวบดได้แล้ว��
�� จึงเริ่มผสมไข่แดงต้มสุกเพราะหลังอายุ 4�
�� เดือน ธาตุเหล็กที่สะสมมาแต่แรกเกิดเริ่ม
�� จะหมดไป เมื่อผสมไข่แดงในข้าวบด 1-2�
�� สัปดาห์ แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นตับหมูหรือ
�� ตับไก่หรือปลา |
�- อายุครบ 4 เดือนทารกมีน้ำย่อยแป้งได้
- ไข่แดงเป็นแหล่งธาตุเหล็ก วิตามิน A,�������
�� D,B2
- ยังไม่ให้ไข่ขาวจนกว่าทารกจะอายุ��
�� มากกว่า 12 เดือน ถ้าให้เร็วไปอาจ��
�� กระตุ้นให้ทารกมีปัญหาแพ้ไข่ |
�ครบ 5 เดือน |
�- อาจใส่เนื้อไก่ เต้าหู้ขาว หรือถั่วเหลือง��
�� สลับกับตับ เนื้อปลา ในข้าวบด
- ผสมผักต่างๆที่กลิ่นอ่อนๆ เช่นผักตำลึง�
�� ผักกาดขาว แครอท ฟักเขียว ฟักขาว�
�� มะเขือเทศ เป็นต้น
- ให้ผลไม้สุกด้วย |
�- ต้องต้มถั่วเหลืองให้สุกๆ ก่อนจะผสม
�� ในข้าวให้สุก |
�ครบ 6 เดือน |
�- อาหารเสริมแทนน้ำนม 1 มื้อ�
- และให้ผลไม้สุก |
�- นม 4 มื้อ |
�ครบ 7 เดือน |
�- เพิ่มเนื้อสัตว์อื่นๆ เช่น หมูไม่ติดมันและไม่
� ติดหนัง�����
- อาจให้ไข่แดง 1 ฟองสลับกับเนื้อสัตว์� |
� |
�ครบ 8-9 เดือน |
�- อาหารเสริมแทนน้ำนม 2 มื้อ
- และให้ผลไม้สุก |
�- นม 3-4 มื้อ |
�10-12 เดือน |
�- อาหารเสริมแทนน้ำนม 2 มื้อ
- และให้ผลไม้ 2 ครั้ง |
��- นม 3 มื้อ |
�1 ปี ขึ้นไป |
�- อาหารหลัก 3 มื้อ�
- ผลไม้หลังอาหาร 2-3 มื้อ |
�- น้ำนมยังคงให้ได้อยู่ แต่น้ำนมจะเป็น
�� อาหารเสริม |
รู้ได้อย่างไรว่าลูกเจริญเติบโต
���� น้ำหนักและความยาว (ส่วนสูง) เป็นตัวบอกดีที่สุด แล้วง่ายที่สุดว่าเจริญเติบโตดีแค่ไหน เด็กต้องมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทุกเดือน ทารกแรกเกิดควรมีน้ำหนัก 3 กิโลกรัม น้ำหนักเป็น 2 เท่าของแรกเกิดเมื่ออายุ 5-6 เดือน และเป็น 3 เท่าเมื่ออายุ 1 ปี�
���� สำหรับความยาว ทารกแรกเกิดจะยาวประมาณ 50 เซนติเมตร เมื่ออายุ 1 ปี จะสูง 75 เซนติเมตร พออายุ 2 ปี จะสูงประมาณ 85 เซนติเมตร และสูง 1 เมตรเมื่ออายุ 4 ปี
แนะนำบทความดีๆโดย�พี่เลี้ยงเด็ก�www.thainannyclub.com
|
Tag: อาหารเสริม,เด็กเล็ก,การเลือกอาหารเสริมให้ลูก,หาพี่เลี้ยงเด็ก
เข้าชม : 3,657,611 ครั้ง
แนะนำบทความดีๆ โดย พี่เลี้ยงเด็ก www.thainannyclub.com
|